สารที่ติดไฟได้ทั้งหมดเมื่อถูกเผาจะทำให้เกิดควันพิษจำนวนหนึ่ง ซึ่งปริมาณควันพิษที่ปล่อยออกมาจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ถูกเผา ปริมาณออกซิเจนที่มีอยู่ และระยะเวลาในการเผาผลาญ ซึ่งถ้าหากควันมีความเข้มข้นสูงและอยู่ในช่วงเวลาที่นานพอสมควร ผู้ที่สูดดมควันพิษเหล่านี้เข้าไปก็จะก่อให้เกิดสภาวะที่เป็นอันตราย
ในช่วงแรกของการเกิดเพลิงไหม้ก่อนที่ไฟจะโหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ควันจะมาจากจุดแรกที่เกิดการติดไฟขึ้น ซึ่งมักจะมาจากเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของอื่นๆภายในห้อง โดยขณะที่เปลวไฟเผาไหม้จนเกิดเป็นไฟไหม้ที่ลุกลามจนควันพุ่งทะลักออกมาอย่างรุนแรง ปริมาณและความเป็นพิษของควันจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หากไฟไม่ดับมอดลงหรือเผาไหม้ทุกอย่างจนหมดสิ้นลงแล้ว เปลวเพลิงก็จะยังคงโหมกระหน่ำเผาไหม้วัสดุที่ติดไฟได้และสิ่งต่างๆต่อไป รวมถึงภายนอกอาคารหากไฟสามารถลุกลามผ่านทางหน้าต่างออกมา ซึ่งจะยิ่งทวีคูณความรุนแรงของอัคคีภัยและก่อให้ปริมาณควันพิษจำนวนมหาศาล ซึ่งทั้งเปลวเพลิงและควันพิษเหล่านี้ก็จะไปสร้างความเสียหายแก่ผู้ที่อยู่อาศัยกระจายตัวทั่วทั้งอาคารห่างจากจุดกำเนิดไฟอย่างมากทำให้ยิ่งเพิ่มความยากต่อการหลบหนีเอาตัวรอด
จากการที่ปัญหาอัคคีภัยในปัจจุบันได้ทวีความรุนแรงกว่า 5 ถึง 10 เท่าจากปีค.ศ.1950 ทำให้ความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและการรับมืออย่างแรกกับปัญหานี้ขึ้นอยู่กับการประสิทธิภาพของตัวอาคารที่ถูกออกแบบและสร้างมา รวมไปถึงวิธีการปล่อยควันพิษให้ ที่เป็นอันตรายและสามารถฆ่าคนได้มากกว่าเพลิงไหม้ของไฟ โดยมีข้อเท็จจริงมาจากจำนวนสถิติที่แสดงให้เห็นว่า ควันพิษคร่าผู้เสียชีวิตมากกว่าครึ่งหนึ่งจากเหตุไฟไหม้อาคารในสหราชอาณาจักร
1. การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพลวัตไฟในที่อยู่อาศัยและผลกระทบต่อระยะเวลาปฏิบัติการของนักดับเพลิง
2: กระทรวงชุมชนและรัฐบาลท้องถิ่น, สถิติอัคคีภัย, สหราชอาณาจักร 2013 - 2015, มกราคม 2015